1. เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ที่สำคัญ
เครื่อง
มือทางภูมิศาสตร์ใช้ประกอบการเก็บข้อมูล เพื่อการบรรยายเชิงปริมาณและคุณภาพ
เช่น จีพีเอสหรือระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นผิวโลก เข้มทิศ
เครื่องมือบางชนิดใช้ประกอบการเรียนและการสอนในห้องเรียนหรือในห้องปฏิบัติ
การ
และเครื่องมือบางชนิดใช้ประกอบการศึกษาและเก็บข้อมูลเฉพาะในสนามเท่านั้น
บางครั้งการใช้เครื่องมือต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ประกอบด้วย เช่น
เครื่องมือระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์หรือที่รู้จักกันในปัจจุบัน
ว่า
GIS(Geographic Information System) ข้อมูลดาวเทียมหรือ SRS (Satellite
Remote Sensing) ระบบกำหนดตำแหน่งพื้นผิวโลกหรือ GPS (Global Positioning
System) ซึ่งนักภูมิศาสตร์ยุคใหม่จำเป็นต้องรู้
1.1 ลูกโลก
1.) องค์ประกอบของลูกโลก องค์ประกอบหลักของลูกโลกจะประกอบไปด้วย
1.1) เส้นเมริเดียนหรือเส้นแวง เป็นเส้นสมมติที่ลากจากขั้วโลกเหนือไปจดขั้วโลกใต้ ซึ่งกำหนดค่าเป็น 0 องศา ที่เมืองกรีนิช ประเทศอังกฤษ
1.2) เส้นขนาน หรือเส้นรุ้ง เป็นเส้นสมมติที่ลากจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก ทุกเส้นจะขนานกับเส้นศูนย์สูตร ซึ่งมีค่ามุมเท่ากับ 0 องศา
2.) การใช้ลูกโลก ลูกโลกใช้ประกอบการอธิบายตำแหน่งหรืสถานที่ของจุหรือพื้นที่ของส่วนต่างๆของโลก โดยประมาณ
1.2 เข็มทิศ
เข็ม
ทิศเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ในการหาทิศของจุดหรือวัตถุ
โดยมีหน่วยวัดเป็นองศา เปรียบเทียบกับจุดเริ่มต้น
เข็มทิศใช้ในการหาทิศโดยอาศัยแรงดึงดูดระหว่างสนามแม่เหล็กขั้วโลก
(Magnetic Pole) กับเข็มแม่เหล็ก
ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดของเครื่องมือนี้
เข็มแม่เหล็กจะแกว่งไกวได้โยอิสระในแนวนอน
เพื่อให้แนวเข็มชี้อยู่ในแนวเหนือใต้ ไปยังขั้วแม่เหล็กโลกตลอดเวลา
หน้าปัดเข็มทิศซึ่งคล้ายกับหน้าปัดนาฬิกาจะมีการแบ่งโดยรอบเป็น 360 องศา
1) ประโยชน์ของเข็มทิศ
เข็มทิศใช้ประโยชน์ในการเดินทาง ได้แก่ การเดินเรือทะเล เครื่องบิน
การใช้เข็มทิศจะต้องมีแผนที่ประกอบ และต้องหาทิศเหนือก่อน
เพื่อจะได้รู้ทิศอื่น
2) การใช้เข็มทิศ
เนื่องจากการหาทิศจริงในแผนที่ต้องใช้เข็มทิศ เพื่อหาทิศเหนือก่อน
จึงต้องวางแผนที่ให้ตรงทิศตามเข็มทิศ
จากนั้นจึงใช้แผนที่ได้ตามวัตถุประสงค์
1.3 รูปถ่ายทางอากาศและภาพจากดาวเทียม
รูป
ถ่ายทางอากาศและภาพจากดาวเทียมเป็นรูปหรือข้อมูลตัวเลขที่ได้จากการเก็บ
ข้อมูลภาคพื้นดินจากกล้องที่ติดอยู่กับพาหนะ เช่น เครื่องบิน หรือดาวเทียม
โดยมีการบันทึกข้อมูลอย่างละเอียดหรือหยาบในเวลาแตกต่างกัน
จึงทำให้เห็นภาพรวมของการใช้พื้นที่และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
ตามที่ปรากฏบนพื้นผิวโลก เช่น การเกิดอุทกภัย ไฟป่า การเปลี่ยนแปลง
การใช้ที่ดิน การก่อสร้างสถานที่ เป็นต้น
1) ประโยชน์ของรูปถ่ายทางอากาศและภาพจากดาวเทียม ที่นิยมใช้กันมากจะเป็นรูปหรือภาพถ่ายที่ได้จากการสะท้อนคลื่นแสงของดวงอาทิตย์ขึ้นไปสู่เครื่องบันทึกที่ติดอยู่บนเครื่องบิน
หรือ
ดาวเทียม การบันทึกข้อมูลอาจจะทำโดยใช้ฟิลม์ เช่น รูปถ่ายทางอากาศสีขาว-ดำ
หรือรูปถ่ายทางอากาศสีธรรมชาติ
การบันทึกข้อมูลจากดาวเที่ยมจะใช้สัญญาณเป็นตัวเลขแล้วจึงแปลงค่าตัวเลขเป็น
ภาพจากดาวเทียมภายหลัง
2) การใช้รูปถ่ายทางอากาศและภาพจากดาวเทียม
ผู้ใช้จะต้องได้รับการฝึกหัดเพือแปลความหมายของข้อมูล
การแปลความหมายอาจจะใช้การแปลด้วยสายตาตามความสามารถของแต่ละบุคคล
หรือใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรมเข้ามาช่วย
1.4 เครื่องมือเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาภูมิศาสตร์
ใน
โลกยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสาร และข้อมูลที่เป็นตัวเลขจำนวนมาก
เทคโนโลยีจึงเข้ามามีความสำคัญ และจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในอนาคต
เทคโนโลยีที่สำคัญด้านภูมิศาสตร์ คือ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์หรือ GIS
(Geographic Information System) และระบบกำหนดตำแหน่งพื้นผิวโลกหรือGPS
(Global PositioningSystem) เครื่องมือทั้งสองจะประกอบด้วยคอมพิวเตอร์
หรือฮาร์ดแวร์ (Hard ware) ซึ่งมีขนาดต่างๆและโปรแกรมหรือซอฟแวร์
(Software)
1) ประโยชน์ของเครื่องมือเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาภูมิศาสตร์
จะคล้ายกับการใช้ประโยชน์จากแผนที่สภาพภุมิประเทศและแผนที่เฉพาะเรื่อง
เช่น จะให้ตำตอบว่า
ถ้าจะต้องเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในแผนที่จะมีระยะทางเท่าใด
และถ้าทราบความเร็วของรถจะทราบได้ว่าจะใช้เวลานานเท่าใด
หลัก
การทำงานของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ คือ
การจัดหมวดหมู่ของข้อมูลตามความต้องการที่จะนำไปวิคราะห์การคัดเลือกตัวแปร
หรือปัจจัยที่เกี่ยวข้อง การจัดลำดับความสำคัญของปัจจัย
และการซ้อนทับข้อมูล ตัวอย่างเช่น
ต้องการหาพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการปลูกข้าว โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ
คือเหมาะสมดี เหมาะสมปานกลาง และไม่เหมาะสม โดยคัดเลือกข้อมูล 2 ประเภท คือ
ดินและสภาพภูมิประเทศ
2) การใช้เครื่องมือเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาภูมิศาสตร์ การใช้เครื่องมือเทคโนโลยีจำเป็นต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรม ผู้ใช้จะต้องได้รับการฝึกฝนก่อนที่จะลงมือปฏิบัติ
2. แหล่งข้อมูลสารสนเทศของไทย
ปัจจุบัน
ได้มีการคิดค้นและพัฒนาการข้อมูลสารสนเทศอย่างรวดเร็ว
และได้เผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณชนมาก
โดยเฉพาะการนำข้อมูลเข้าเว็บไซต์ให้ประชาชนและผู้สนใจทั่วไปเข้าไปดูข้อมูล
ได้ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากตามความต้องการของผู้ใช้ข้อมูล
แต่ข้อมูลบางชนิดอาจต้องติดต่อจากหน่วยงานนั้นๆโดยตรง
ทั้งจากหน่วยงานของรัฐและเอกชน เว็บไซต์ที่น่าสนใจ
เช่นข้อมูลด้านสถิติ(www.nso.go.th) ข้อมูลประชากร(www.dola.go.th)
ข้อมูลดาวเทียม(www.gistda.go.th) ข้อมูลดินและการใช้ที่ดิน
(www.dld.go.th) เป็นต้น
กล่าว
โดยสรุป เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ใช้ประกอบการศึกษาและการเก็บข้อมูล
เครื่องมือบางชนิดเหมาะสำหรับใช้ในห้องเรียน หรือห้องปฏิบัติการ
เครื่องมือบางชนิดใช้ได้สำหรับในห้องเรียนและในสนาม
ผู้ใช้จะได้รู้ว่าเมื่อใด ควรใช้เครื่องมือภูมิศาสตร์ในห้องเรียน
และเมื่อใดควรใช้ในภาคสนาม เครื่องมือบางชนิดจะมีความซับซ้อนมาก
หรือต้องใช่ร่วมกันระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรม
เครื่อง
มือทางภูมิสาสตร์ที่มีความสำคัญมากในปัจจุบันคือ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
(GIS) ซึ่งแปลงสารสนเทศที่เกี่ยวกับพื้นที่
และข้อมูลตารางหรือคำอธิบายที่ให้เป็นข้อมูลเชิงตัวเลขทำให้การจัดเก็บเรียก
ดูข้อมูล
การปรับปรุงแก้ไขและการวิเคราะห์เป็นไปอย่างรวดเร็วและถูกต้องและแสดงผลใน
รูปแบบแผนที่ กราฟ หรือตารางได้อย่างถูกต้องอีกด้วย
ส่วนระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นผิวโลก (GIS)
ใช้กำหนดจุดพิกัดตำแหน่งของวัตถุต่างๆ บนผิวโลก โดยอาศัยสัญญาณ
จากดาวเทียมหลายดวงที่โคจรอยู่รอบโลก
เครื่องมือและการใช้เครื่องมือในการศึกษาทางภูมิศาสตร์
ความหมายของแผนที่
พจนานุกรมศัพท์ภูมิศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายของแผนที่ไว้ว่า“แผนที่
คือ
สิ่งที่แสดงลักษณะของพื้นผิวโลกทั้งที่มีอยู่ตามธรรมชาติและที่ปรุงแต่งขึ้น
โดยแสดงลงในพื้นแบนราบ
ด้วยการย่อให้เล็กลงตามขนาดที่ต้องการและอาศัยเครื่องหมายกับสัญลักษณ์ที่
กำหนดขึ้น”
แผนที่ หมายถึง การนำเอารูปภาพสิ่งต่างๆ บนพื้นผิวโลก (Earth’ surface) มาย่อส่วนให้เล็กลง แล้วนำมาเขียนลงกระดาษแผ่นราบ สิ่งต่างๆ บนพื้นโลกประกอบไปด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ (nature) และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น (manmade) สิ่งเหล่านี้แสดงบนแผนที่โดยใช้สี เส้นหรือรูปร่างต่างๆ ที่เป็นสัญลักษณ์แทน
การจำแนกชนิดของแผนที่ปัจจุบันการจำแนกชนิดของแผนที่ อาจจำแนกได้หลายแบบแล้วแต่จะยึดถือสิ่งใดเป็นหลักในการจำแนก เช่น
1. การจำแนกชนิดของแผนที่ตามลักษณะที่ปรากฏบนแผนที่ แบ่งได้เป็น 3 ชนิด คือ
1.1 แผนที่ลายเส้น (Line Map) เป็น แผนที่แสดงรายละเอียดในพื้นที่ด้วยเส้นและองค์ประกอบของเส้น ซึ่งอาจเป็นเส้นตรง เส้นโค้ง ท่อนเส้น หรือเส้นใดๆ ที่ประกอบเป็นรูปแบบต่างๆ เช่น ถนนแสดงด้วยเส้นคู่ขนาน อาคารแสดงด้วยเส้นประกอบเป็นรูปสี่เหลี่ยม สัญลักษณ์ที่แสดงรายละเอียดเป็นรูปที่ประกอบด้วยลายเส้น แผนที่ ลายเส้นยังหมายรวมถึงแผนที่แบบแบนราบและแผนที่ทรวดทรง ซึ่งถ้ารายละเอียดที่แสดงประกอบด้วยลายเส้นแล้วถือว่าเป็นแผนที่ลายเส้นทั้ง สิ้น
ตัวอย่างแผนที่ลายเส้น
1.2 แผนที่ภาพถ่าย (Photo Map) เป็น แผนที่ซึ่งมีรายละเอียดในแผนที่ที่ได้จากการถ่ายภาพด้วยกล้องถ่ายภาพ ซึ่งอาจถ่ายภาพจากเครื่องบินหรือดาวเทียม การผลิตแผนที่ทำด้วยวิธีการนำเอาภาพถ่ายมาทำการดัดแก้ แล้วนำมาต่อเป็นภาพแผ่นเดียวกันในบริเวณที่ต้องการ แล้วนำมาใส่เส้นโครงพิกัด ใส่รายละเอียดประจำขอบระวาง แผนที่ภาพถ่ายสามารถทำได้รวดเร็ว แต่การอ่านค่อนข้างยากเพราะต้องอาศัยเครื่องมือและความชำนาญ
ตัวอย่างแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียม ภาพถ่ายทางอากาศ
1.3 แผนที่แบบผสม (Annotated Map) เป็น แบบที่ผสมระหว่างแผนที่ลายเส้นกับแผนที่ภาพถ่าย โดยรายละเอียดที่เป็นพื้นฐานส่วนใหญ่จะเป็นรายละเอียดที่ได้จากการถ่ายภาพ ส่วนรายละเอียดที่สำคัญๆ เช่น แม่น้ำ ลำคลอง ถนนหรือเส้นทาง รวมทั้งอาคารที่ต้องการเน้นให้เห็นเด่นชัดก็แสดงด้วยลายเส้น พิมพ์แยกสีให้เห็นเด่นชัดปัจจุบันนิยมใช้มาก เพราะสะดวกและง่ายแก่การอ่าน มีทั้งแบบแบนราบ และแบบพิมพ์นูน ส่วนใหญ่มีสีมากกว่าสองสีขึ้นไป
ตัวอย่างแผนที่แบบผสม
2. การ
จำแนกชนิดของแผนที่ตามขนาดของมาตราส่วน ประเทศต่าง ๆ
อาจแบ่งชนิดของแผนที่ตามขนาดมาตราส่วนไม่เหมือนกัน
ที่กล่าวต่อไปนี้เป็นการแบ่งแผนที่ตามขนาดมาตราส่วนแบบหนึ่งเท่านั้น
2.1 แบ่งมาตราส่วนสำหรับนักภูมิศาสตร์
2.1.1 แผนที่มาตราส่วนเล็ก ได้แก่ แผนที่มาตราส่วนเล็กว่า 1:1,000,000
2.1.2 แผนที่มาตราส่วนกลาง ได้แก่ แผนที่มาตราส่วนตั้งแต่ 1:250,000 ถึง 1:1,000,000
2.1.3 แผนที่มาตราส่วนใหญ่ ได้แก่ แผนที่มาตราส่วนใหญ่กว่า 1:250,000
2.2 แบ่งมาตราส่วนสำหรับนักการทหาร
2.2.1 แผนที่มาตราส่วนเล็ก ได้แก่ แผนที่มาตราส่วน 1:600,000 และเล็กกว่า
2.2.2 แผนที่มาตราส่วนกลาง ได้แก่ แผนที่มาตราส่วนใหญ่กว่า 1:600,000 แต่เล็กกว่า 1:75,000
2.2.3 แผนที่มาตราส่วนใหญ่ ได้แก่ แผนที่มาตราส่วนตั้งแต่ 1:75,000 และใหญ่กว่า
2.1 แบ่งมาตราส่วนสำหรับนักภูมิศาสตร์
2.1.1 แผนที่มาตราส่วนเล็ก ได้แก่ แผนที่มาตราส่วนเล็กว่า 1:1,000,000
2.1.2 แผนที่มาตราส่วนกลาง ได้แก่ แผนที่มาตราส่วนตั้งแต่ 1:250,000 ถึง 1:1,000,000
2.1.3 แผนที่มาตราส่วนใหญ่ ได้แก่ แผนที่มาตราส่วนใหญ่กว่า 1:250,000
2.2 แบ่งมาตราส่วนสำหรับนักการทหาร
2.2.1 แผนที่มาตราส่วนเล็ก ได้แก่ แผนที่มาตราส่วน 1:600,000 และเล็กกว่า
2.2.2 แผนที่มาตราส่วนกลาง ได้แก่ แผนที่มาตราส่วนใหญ่กว่า 1:600,000 แต่เล็กกว่า 1:75,000
2.2.3 แผนที่มาตราส่วนใหญ่ ได้แก่ แผนที่มาตราส่วนตั้งแต่ 1:75,000 และใหญ่กว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น